๑. สมัยสุโขทัย🎵
🎶จากการรวบรวมหลักฐานที่ปรากฏสรุปได้ว่า ในสมัยสุโขทัยมีการประสมวงดนตรี
ในรูปแบบของ วงขับไม้
มีผู้แสดง ๓ คน คือผู้ขับร้อง ผู้สีซอสามสาย และผู้ทำหน้าที่ไกวบัณเฑาะว์ วงขับไม้ใช้ในพิธีสมโภชพระมหาเศวตฉัตร หรือการสมโภชช้างเผือก ลักษณะของเนื้อร้องคล้ายกาพย์ยานี
เรียกว่า กาพย์ขับไม้🎻
🎹การประสมวงดนตรีอีกรูปแบบหหนึ่ง คือ วงปี่พาทย์เครื่องห้า
ที่ประกอบด้วยเครื่องดนตรี ประเภทเครื่องตีและเครื่องเป่า ได้แก่ ปี่ใน ตะโพน กลองทัด
ฆ้องวงใหญ่ และฉิ่ง
🎬การบรรเลงดนตรีอีกรูปแบบ คือ การบรรเลงพิณ เป็นการบรรเลงประกอบการขับลำนำ
ไม่จัดว่าเป็นวงดนตรี เพราะใช้ผู้บรรเลงเพียงคนเดียวเป็นผู้ขับลำนำพร้อมกับบรรเลงพิณไปด้วย
วงสุดท้ายที่มีในสุโขทัย คือ วงเครื่องประโคม ใช้ในงานสำคัญ งานพิธีต่างๆ แบ่งออกได้ ๒ ชนิด ได้แก่
๑.ประโคมแตรและมโหระทึก ใช้บรรเลงในเวลาที่พระมหากษัตริย์เสด็จออกพบขุนนางและในการเสด็จพระราชดำเนินขบวนน้อย
๒.ประโคมแตรสังข์กลองชนะ วงโคมแตรสังข์จะใช้ในพระราชพิธีที่เป็นมงคลอันศักดิ์สิทธิ์
วงประโคมแตรสังข์
๒. สมัยอยุธยา🎼
🎺ในสมัยนี้ดนตรีเจริญมาก มีการประสมวงเกิดขึ้น ได้แก่ วงปี่พาทย์ วงมโหรี
และ วงเครื่องสาย
🎸วงมโหรีพัฒนาขึ้นมาจากวงขับไม้รวมกับการบรรเลงพิณ เรียกว่า วงมโหรีเครื่องสี่
ประกอบด้วย คนร้อง ตีกรับพวง ซอสามสาย กระจับปี่ และทับ (โทน) ต่อมาพัฒนาเป็น
วงมโหรีเครื่องหก
คือมีขลุ่ยและรำมะนาเพิ่มเข้ามา วงปี่พาทย์เครื่องห้าพัฒนาเป็น วงปี่พาทย์เครื่องหก
คือเพิ่มระนาดเอกเข้ามา
🎧บทเพลง นิยมเพลงอัตราจังหวะ ๒ ชั้น มากกว่าอัตราจังหวะอื่น เพราะเป็นเพลงประกอบการแสดงโขน ละคร และขับกล่อมได้ดี